โชเซ มูรินโญ เฮดโค้ชคนดังชาวโปรตุกีส อาจเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ไม่ว่าจะคุมทีมไหนต้องมีแชมป์ติดมือเสมอ และมีหลายคนซูฮกว่านี่เป็นยอดกุนซืออย่างแท้จริง
ผลงานการคุมปอร์โต, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด หรือแม้แต่ปัจจุบันกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มูรินโญได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รวมกัน 2 ครั้ง, แชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก(หรือยูฟ่า คัพ) 2 ครั้ง, แชมป์ลีก 8 ครั้ง และแชมป์บอลถ้วยอื่นอีกมากมาย
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ให้การยอมรับตัวกุนซือรายนี้ ด้วยนิสัยของมูรินโญที่ค่อนข้างแข็งกร้าวและเดาใจลำบาก ทำให้มีนักเตะหลายคนเป็นไม้เบื่อไม้เมาด้วย
เราได้รวบรวมนักเตะ 11 คน ที่เคยร่วมงานกับมูรินโญมาแล้ว…และคงไม่อยากจะได้โอกาสทำงานด้วยกันอีกรอบ!
ผู้รักษาประตู : อิเคร์ กาซิยาส
กาซิยาสเป็นผู้รักษาประตูระดับตำนานของเรอัล มาดริด และได้ร่วมงานกับมูรินโญที่สโมสรแห่งนี้นั่นเอง
ช่วงแรกที่ทั้งคู่ร่วมงานด้วยกันนั้นเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี มูรินโญถึงกับชมกาซิยาสว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อกาซิยาสพยายามนัดคุยกับผู้เล่นทีมอริอย่าง “เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลนา เพื่อปรับความเข้าใจในฐานะแข้งทีมชาติสเปนด้วยกัน แต่นั่นสร้างความไม่พอใจให้กุนซือจอมเฮี้ยบอย่างมาก
มูรินโญจัดการดร็อปกาซิยาสเป็นตัวสำรอง แล้วให้มือกาวอีกรายอย่าง อันโตนิโอ อดาน ลงเฝ้าเสาแทน แถมยังไปซื้อ ดิเอโก โลเปซ มาเป็นมือ 1 แทนอีก
หลังจากนั้นทั้งคู่ต่างแยกไปตามทางของตัวเอง ซึ่งต่อมากาซิยาสได้พูดถึงความสัมพันธ์ของตนกับกุนซือรายนี้ว่า “เหมือนคู่รักที่รักกันมากในตอนแรก แต่ก็ต้องเลิกรากันไปในเวลาต่อเพราะปรับตัวเข้ากันไม่ได้”
แบ๊กขวา : วิลเลียม กัลลาส
กัลลาสอาจจะเป็นกองหลังที่ฝีเท้าดี และโดดเด่นเรื่องความสารพัดประโยชน์ แต่เรื่องจิตใจกับทัศนคติดูเหมือนมีปัญหา รวมถึงกับมูรินโญด้วย
ในปี 2006 อดีตกองหลังทีมชาติฝรั่งเศสปฏิเสธเดินทางร่วมกับสโมสรไปเตะเกมปรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกา ทำให้มูรินโญโกรธมาก และจวกแข้งรายนี้ว่าไม่เคารพต่อเชลซี
จากนั้นกัลลาสแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ต่อสัญญากับเชลซี ซึ่งมูรินโญก็ตอบโต้ด้วยการให้นักเตะใหม่อย่าง มิชาเอล บัลลัค สวมเสื้อหมายเลข 13 ทั้งที่มันยังเป็นของกัลลาสอยู่
เดือนกันยายนของปีนั้น กัลลาสถูกปล่อยให้อาร์เซนอลเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอดึง แอชลีย์ โคล มาร่วมทีม ซึ่งเชลซีแถลงโจมตีส่งท้ายว่ากัลลาสจะเจตนายิงประตูตัวเองถ้าไม่ปล่อยให้ย้ายทีม จนดาวเตะฝรั่งเศสออกมาตอบโต้และโจมตีกลับเช่นกัน
เซ็นเตอร์แบ๊ก : เปเป
สืบเนื่องจากการที่มูรินโญมีปัญหากับกาซิยาส ทำให้เปเปออกโรงปกป้องนายทวารเพื่อนร่วมทีม และชี้ว่ามือกาวสแปนิชควรได้รับความเคารพมากกว่านี้
มูรินโญจึงให้คำตอบเรื่องนี้ว่า “ผมเข้าใจว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ง่าย แต่ผมคิดว่าคงมีน้อยคนที่ไม่เชื่อว่า ราฟาเอล วาราน และเซร์คิโอ รามอส จะเป็นคู่กองหลังอนาคตของเรอัล มาดริด”
“นักเตะวัย 31 ปี เสียตำแหน่งตัวจริงให้นักเตะวัย 19 ปี มันเป็นสัจธรรมชีวิต” มูรินโญกล่าวถึงการให้วารานก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงแทนเปเป
ส่วนเปเปเองก็เคยให้สัมภาษณ์ถึงกุนซือที่เป็นชาวโปรตุกีสด้วยกันรายนี้ว่า “ในช่วงเวลาของมูรินโญ แฟนบอลเกลียดเราเมื่อเราลงไปในสนาม มันเป็นมาตลอด 3 ปี และผมขอบคุณพระเจ้าที่มันผ่านไปอย่างรวดเร็ว”
เซ็นเตอร์แบ๊ก : ดาวิด หลุยซ์
ปราการหลังทีมชาติบราซิลเคยมีช่วงเวลาที่ดีกับเชลซี กระทั่งเมื่อมูรินโญกลับมาคุมทัพอีกคำรบ โอกาสลงสนามของแข้งรายนี้ก็ค่อยๆถูกลดทอนลงไป
จากนั้นปี 2014 หลุยซ์จึงถูกขายไปให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ของฝรั่งเศส ซึ่งแข้งรายนี้บอกว่าเรื่องที่ตนมีปัญหากับมูรินโญไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด กระนั้นเจ้าตัวบอกกุนซือโปรตุกีสไม่ได้พยายามรั้งตนไว้ แถมยังบอกว่า “นายสามารถย้ายทีมได้เลย”
ทั้งนี้ตอนขายหลุยซ์ออกจากทีม มูรินโญยังแสดงความเชื่อมั่นด้วยว่านี่ไม่ใช่ความผิดพลาดอย่างแน่นอน
ต่อมาหลุยซ์ย้ายกลับเชลซีอีกครั้ง มีส่วนสำคัญนำทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016-17 พร้อมกับที่เจ้าตัวติดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพีเอฟเอ ชีวิตช่างเป็นคนละเรื่องกับสมัยทำงานภายใต้บัญชามูรินโญอยู่
แบ๊กซ้าย : ลุค ชอว์
ก่อนหน้านี้ชอว์ตกเป็นข่าวส่อย้ายหนีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตลอด เนื่องจากมูรินโญมักวิจารณ์อย่างรุนแรงผ่านสื่อมวลชนหลายต่อหลายครั้ง
ช่วงปลายฤดูกาลก่อน มูรินโญให้ชอว์ลงสนามตัวจริงพบไบรตัน แต่เปลี่ยนตัวออกตั้งแต่พักครึ่งเวลา พร้อมกล่าวภายหลังว่าไม่พอใจที่แข้งรายนี้ทำได้ห่วยแตกทั้งเกมรุกและเกมรับ
แม้ฤดูกาลนี้ชอว์จะได้รับโอกาสกลับมาลงเล่นให้ทีมอีกครั้ง แต่เชื่อว่าความรู้สึกที่จะถูกด่าออกอากาศเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เช่นนี้ เป็นไปได้เจ้าตัวคงไม่อยากพบเจออีก!
กองกลาง : บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์
อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมนี ต้องหมดสภาพอดีตนักเตะแชมป์โลก หลังจากที่มูรินโญย้ายมาคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2016
มูรินโญแสดงท่าทีชัดเจนว่าชไวน์สไตเกอร์ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของตนเอง โดยทำถึงขั้นสั่งให้ไปซ้อมกับทีมสำรองของสโมสร!
ชัดเจนว่านี่เป็นแผนการบีบให้ชไวน์สไตเกอร์ย้ายทีมไปเสีย แต่แข้งรายนี้เลือกที่จะอยู่สู้กับทีมเดิมต่อ กระทั่งมูรินโญใจอ่อนยอมให้กลับมาซ้อมร่วมกับเพื่อนร่วมทัพชุดใหญ่และได้โอกาสลงสนามจนได้
ต่อมาชไวน์สไตเกอร์เลือกย้ายไปชิคาโก ไฟร์ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมูรินโญยอมรับว่าได้กระทำสิ่งที่เลวร้ายอย่างยิ่งไปแล้ว
กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์
แม้ว่าเดอ บรอยน์ จะถูกยกให้เป็นดาวรุ่งที่เตรียมเฉิดฉายในวงการลูกหนัง แต่สมัยยังอยู่กับเชลซีนั้น มูรินโญมองว่าแข้งรายนี้มีทัศนคติบางอย่างที่ไม่ตรงกัน
เดอ บรอยน์ เคยได้ตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ กับการเตะพรีเมียร์ลีกนัดแรกในชีวิต แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์กลับมีนัดที่เล่นไม่ออก จึงถูกกุนซือโปรตุกีสดร็อปจากทีมทันที ต่อด้วยถูกขายทิ้งให้โวล์ฟสบวร์ก
มูรินโญเคยพูดถึงเรื่องนี้อย่างเจ็บแสบว่า “ถ้าคุณมีนักเตะมาเคาะประตู แล้วร้องไห้ฟูมฟายทุกวันว่าอยากย้ายทีม คุณก็ต้องตัดสินใจ เขาไม่พร้อมที่จะลงแข่งขัน เขาเป็นเด็กที่น่ารำคาญ แถมยังมีผลการฝึกซ้อมที่แย่มาก”
เวลาต่อมา เดอ บรอยน์ กลับสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งด้วยการย้ายซบแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมแบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้
กองกลาง : ปอล ป๊อกบา
ดังที่เห็นตามข่าวแล้วว่าป๊อกบากับมูรินโญมีปัญหากันแบบชัดเจน ล่าสุดมีทั้งสั่งไม่ให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกแบบถาวร หรือเปลี่ยนตัวออกกลางเกม
โดยประเด็นหลักอยู่ที่เรื่องทัศนคติ ซึ่งดูเหมือนมูรินโญจะมองว่าป๊อกบาไม่ให้ใจกับทีมที่ที่ควร ขณะที่ดาวเตะฝรั่งเศสคิดว่าแนวทางทำทีมกุนซือรายนี้ไม่เวิร์คเอาเสียเลย
ล่าสุดมีรายงานว่าป๊อกบาจะขอย้ายในเดือนมกราคมนี้เลย หากกุนซือของทีมยังชื่อว่า โชเซ มูรินโญ!
กองกลาง : ฆวน มาตา
มาตาเคยคว้ารางวัลผู้เล่นแห่งปีของเชลซีได้ถึง 2 สมัยซ้อนในปี 2012 และ 2013 ซึ่งนั่นเกิดขึ้นก่อนการมาคุมทัพของมูรินโญ
ต่อมาชีวิตราวเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า จากนักเตะที่เป็นหัวใจสำคัญของทีม กลายสภาพไปเป็นตัวสำรองเฉย
แข้งสแปนิชได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้งหลังถูกขายทิ้งให้แมนฯยูไนเต็ด แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด กลายเป็นว่าต่อมาทีมแต่งตั้งมูรินโญเข้ามาเป็นกุนซือเฉย เท่ากับว่าทั้งคู่ต้องร่วมงานกันอีกรอบ
ฤดูกาลนี้เกมลีกผ่านไปแล้ว 7 นัด มาตาได้ลงสนาม 4 นัด และเป็นตัวจริงแค่ 2 นัด รวมแล้วเจ้าตัวเพิ่งเตะไปแค่ 182 นาที
มาตาคงคิดในใจ ถ้าคราวนี้ได้แยกทางกันอีก ขออย่าพบเจอกันอีกเลย!
กองกลาง : เปโดร เลออน
แม้มูรินโญจะมีเรื่องราวขัดแย้งกับนักเตะมามากมาย แต่กรณีเลออนถือเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ต้องถูกยกมาพูดถึงลำดับต้นๆ
เลออนเคยค้าแข้งกับเรอัล มาดริด เพียงปีเดียว ในยุคที่มูรินโญกุมบังเหียนอยู่ ลงเล่นไป 14 นัด รวมเป็นเวลาแค่ 132 นาที!
เลวร้ายกว่านั้น มูรินโญมักจะต่อว่าและถากถางเลออนผ่านสื่อบ่อยครั้ง มีหนหนึ่งพูดว่า “ต่อให้เครื่องบินตกแล้วนายไม่ได้อยู่บนเครื่องลำนั้น นายก็จะไม่ได้ลงเล่นในเกมสัปดาห์หน้าอยู่ดี”
กองหน้า : มาริโอ บาโลเตลลี
ระหว่างบาโลเตลลีกับมูรินโญ จะบอกว่านี่เป็นมวยถูกคู่อย่างยิ่งก็ว่าได้!
คนหนึ่งเป็นกองหน้าสายเกรียนที่มักก่อเรื่องไม่รู้จักหยุดหย่อน ส่วนอีกคนก็เป็นกุนซือจอมเฮี้ยบ ที่อารมณ์แปรปรวน
สมัยที่ทั้งคู่อยู่ในสังกัดอินเตอร์ มิลาน ต่างมีปัญหาทะเลาะกันไม่มีหยุดหย่อน ขนาดที่หัวหอกผิวสีถูกตัดชื่อจากทีมไปนาน
มีหนหนึ่งบาโลเตลลีถึงขั้นหนีออกจากศูนย์ซ้อมของอินเตอร์ หลังจากพยายามเคลียร์ใจกับมูรินโญแล้ว แต่ไม่สามารถคุยกันรู้เรื่องได้
มูรินโญเคยบอกว่าต้องใช้เวลาคุยกับบาโลเตลลีอยู่นาน แล้วดันไม่เข้าใจสิ่งที่ตนต้องการสื่อซะอีก “ครั้งหนึ่งผมจำได้ว่ามีเกมที่ไม่เหลือกองหน้าอาชีพเหลืออยู่เลยนอกจาก มาริโอ บาโลเตลลี่ แล้วเขาโดนใบเหลืองในช่วงท้ายครึ่งแรก”
“ช่วงพักครึ่งเวลาผมใช้เวลา 14 จาก 15 นาที บอกเขาว่าห้ามโดนใบแดง เพราะเปลี่ยนเขาออกจากสนามไม่ได้ จากนั้นใช้เวลา 1 นาทีที่เหลือคุยกับคนอื่นในทีม”
“ผมบอกเขาว่าถ้าเสียบอลไม่ต้องไล่แย่งคืน ถ้าถูกเตะขาอย่าไปเอาคืน และอย่าไปต่อล้อต่อเถียงผู้ตัดสิน แล้วหลังจากนั้นเขาลงสนามไปไม่ถึงนาที ก็โดนใบแดง!”