เริ่มกันที่ ฝั่งลิเวอร์พูล ทั้งจากที่นักเตะซ้อมในช่วงเช้า ก็ออกเดินทางจาก ลิเวออร์พูล มุ่งหน้ามาที่ กรุงเคียฟ ใช้เวลาบิน ราว 3 ชั่วโมง ทันทีที่ถึงสนามบิน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มีการมอบดอกไม้, ของที่ระลึกให้แก้นักเตะหงส์แดง
จากนั้น นักเตะลิเวอร์พูล ก็เดินทางเข้าโรงแรมที่พัก ซึ่งจุดนี้ มีสาวก เดอะค็อป มาดักรอ ให้กำลังใจ โดยเฉพาะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงคนสำคัญ จะได้รับความสนใจ, เสียงกรี๊ดเป็นพิเศษ ขณะเดียวกัน เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แดง ก็มีข่าวดีให้ ลิเวอร์พูล ชื้นใจ เมื่อใส่ชื่อของ เอ็มเร่ ชาน กลับมาลงสนามในนัดชิง หลังจากหายจากอาการเจ็บหลัง
ส่วน เจมส์ มิลเนอร์ กองกลางจอมแกร่ง ก็ฟิตเต็มร้อย พร้อมลงสนามเช่นกัน,ไปที่ฝั่ง เรอัล มาดริด บ้างกัน ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือชาวฝรั่งเศส ก็นำลูกทีม เดินทางมาถึงที่กรุงเคียฟ โดยมีแฟนบอลนับพัน มารอต้อนรับ พร้อมป้ายข้อความให้กำลังใจ,โดยเฉพาะโรนัลโด้ ดาวยิงชาวโปรตุเกส มีแฟนคลับมาหุ่นจำลองมาชูด้วย
โรนัลโด้ เผยกับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีที่มีคนเปรียบเทียบเขากับ ซาลาห์ ซึ่งโรนัลโด้กล่าวแบบติดตลกว่า เราทั้งคู่ต่างกันมาก เขาสูงกว่าซาลาห์อยู่เห็นๆ เท้าถนัดก็คนละข้าง แต่ก็ยอมรับว่า ฤดูกาลนี้ ซาลาห์ โชว์ฟอร์มยอยเยี่มกับลิเวอร์พูล เขาไม่ขอโฟกัสเรื่องนี้ ขอมุ่งสมาธิกับการช่วยทีมในนัดชิงชนะเลิศ และตั้งเป้าอยากคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน
ส่วนแกเรธ เบล อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ของมาดริด ก็ออกมาบอกว่าเขาฟิตร้อยเปอร์เซ็นต์ พร้อมลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ แต่ก็ต้องลุ้นว่าเบล จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงหรือไม่ เนื่องจากช่วงหลัง ซีดาน กุนซือราชันชุดขาว มักให้เขาเป็นตัวสำรอง
ขณะเดียวกัน สื่อก็ไปสัมภาษณ์ ทัศนะของอดีตนักเตะดังหลายคน อย่าง หลุยส์ การ์เซีย อดีตชุดแชมป์ปี 2005 กับลิเวอร์พูล ก็ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ลิเวอร์พูล มีดีพอ จะเอาชนะ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมยก 3 ประสานแดนหน้าหงส์แดง จะเป็นทีเด็ดในการเอาชนะ มาดริด
ส่วน คลาเรน เซดอร์ฟ อดีตนักเตะชาวดัตซ์ ที่เคยคว้าถ้วยใบนี้มาแล้วถึง 4 สมัยทั้งกับ มาดริด และ เอซี มิลาน ออกมายกย่องทั้ง มาดริดกับ ลิเวอร์พูล เป็นทีมยอดเยี่ยมและ มีประวัติศาสตร์เรื่องราวที่ผูกพันกับถ้วยใบนี้ เชื่อว่า เกมนัดชิงชนะเลิศ จะเป็นเกมที่สนุก ตื้นเต้นน่าติดตามสมกับเป็น เกมคู่ชิงในฝัน
ขณะที่ เฮอร์นัน เครสโป อดีตดาวยิง มิลน ที่เคยยิงประตูลิเวอร์พูล ในนัดชิงชนะเลิศปี 2005 บอกว่า เกมคู่ชิงชนะเลิศ ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลง,เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากยังไม่สิ้นเสียงนกหวีด
สถิติลิเวอร์พูลพบกันเรอัล มาดริด 4 ครั้ง ชนะ 3 ครั้ง แพ้เพียงครั้งเดียว ลิเวอร์พูล สถิติพบกับทีมที่สเปน 14 นัด ชนะ 7 ครั้ง เสมอ 4 ครั้ง แพ้ 3 ครั้ง โดยฝั่งเรอัล มาดริด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนทีมจะเกาะอังกฤษพบกัน 13 นัด ชนะ 6 ครั้ง เสมอ 5 ครั้ง แพ้ 2 ครั้ง โดยคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยลงเล่นพบกับลิเวอร์พูลมาแล้วทั้งหมด 9 นัด ยิงไปได้แค่ 2 ประตู
จำนวนแอสซิสต์มากที่สุดเรอัล มาดริด – ดานี คาร์บาฆาล (3 ครั้ง)และลิเวอร์พูล – เจมส์ มิลเนอร์ (9 ครั้ง) เรอัล มาดริด – 144 ครั้ง (คิดเป็น 64.3%)และลิเวอร์พูล – 133 ครั้ง (คิดเป็น 61.9%) การเอาชนะการดวลกันในจังหวะกลางอากาศ เรอัล มาดริด – 619 ครั้ง (คิดเป็น 52.6%)และลิเวอร์พูล – 684 ครั้ง (คิดเป็น 49.5%)