หลัง “ผีแดง” แมนฯยู กระเด็นตกรอบ คาราบาว คัพ รอบ 3 ด้วยการพ่ายจุดโทษต่อ ดาร์บี้ เคาตี้ ซึ่งคุมทีมโดย แฟรงก์ แลมพาร์ด อดีตลูกน้องของโฮเซ่ มูรินโญ่


หลังเกม กุนซือชาวโปรตุเกสกล่าวว่า “เราไม่สามารถทำประตูได้ ในเวลาที่ควรทำได้ เหมือนที่ทำได้ในครึ่งแรก เรามีโอกาสจะปิดเกม แต่ก็ทำไม่ได้ คาราบาว คัพ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องกังวลอีกต่อไป เราจะไม่ได้เล่นมันอีกจนกว่าจะปีหน้า มันเป็นรายการเล็กสุดที่เราเข้าร่วม เราเองก็อยากชนะ แต่สุดท้ายเราต้องผิดหวังไป การเล่น 10 คนมันยากมาก คู่แข่งก็ทำได้ดีกว่าเรา และเมื่อการยิงจุดโทษมาถึงคนที่ 6-7 เรารู้แล้วว่าเรากำลังมีปัญหา ทั้งฟิล โจนส์ และ เอริก ไบยี่่”
ด้าน แฟรงก์ แลมพาร์ด กุนซือ ดาร์บี้ ซึ่งคุมทีมมาได้เพียง 12 นัด กล่าวว่า “เราช็อกไปเหมือนกันที่ถูกนำเร็ว และเป็นการโดนนำที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดด้วย แต่มันยอดเยี่ยมมากที่ทุกคนกลับมาได้ ผมภูมิใจมากในฐานะผู้จัดการทีม”

“การจัดทีมนัดนี้ ผมเลือกได้ง่ายมากเพราะเราเพิ่งทำได้ดีในการเอาชนะ เบรนต์ฟอร์ดมา พวกเขาก็ควรจะได้รับโอกาสในการเล่นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ผมพยายามจะสร้างทีมให้ประสบความสำเร็จให้ได้ และค่ำคืนนี้มันยอดเยี่ยมมาก เราเจอกับนักเตะระดับโลก และเราสู้ได้ดี”
ทั้งนี้สถิติแมนฯยู ดูจะขยาดการเตะจุดโทษตัดสิน โดยพวกเขาแพ้รวดในการดวลจุดโทษ 5 เกมหลังสุด เป็นการแพ้ในลีกคัพ 3 นัด, เอฟเอ คัพ 1 นัด และ คอมมูนิตี้ ชิลด์. 1 นัด
และเซอร์จิโอ โรเมโร เป็นนักเตะแมนฯยู คนแรกนับตั้งแต่ เม.ย.2017 ที่โดนใบแดงโดยตรง ต่อจาก เอริก ไบยี่ ในเกมยูโรปา ลีก
โดย มูรินโญ่ ประสบในทุกๆ ปีที่ 3 ที่ทำทีมมักจะมีผลงานย่ำแย่เสมอ เวลาตกรอบฟุตบอลถ้วย, แพ้ไปแล้ว 3 เกมในพรีเมียร์ ลีก, มีปัญหากับสื่อในอังกฤษ และ มีปัญหากับลูกทีม ถึงขั้นปลด ปอล ป็อกบา ตัวหลักจากการเป็นกัปตันทีม อันดับ 2